Home Mind “Fixed กับ Growth” รู้ไหม? คุณมี Mindset แบบไหน?

“Fixed กับ Growth” รู้ไหม? คุณมี Mindset แบบไหน?

by Lifeelevated Admin1

เคยมีคนกล่าวว่า ตัวเราเองนี่แหละที่จะเป็นผู้ประเมินและตัดสินความสามารถของตนเองว่ามีแค่ไหน ความสามารถที่มีเพียงพอที่จะลงมือทำหรือไม่ทำ เพราะคิดว่าตนเองทำไม่ได้ และยังเป็นคนที่กำหนดด้วยว่าจะก้าวข้ามคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ได้หรือไม่ เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ที่ความคิดของตัวเราเอง ถ้าเราคิดว่าตัวเราทำได้ จะตอบสนองความคิดนั้นด้วยความพยายามที่จะทำ เพื่อให้ได้ผลตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ถ้าตัดสินไปแล้วว่าตัวเองทำไม่ได้ ความสามารถไม่มากพอ ก็จะไปไหนไม่ได้เช่นกัน นอกจากย่ำอยู่กับที่

แรกเริ่ม คุณต้องสำรวจความคิดของตัวเองก่อน ว่าคุณมองคำวิจารณ์หรือติชมในเชิงสร้างสรรค์เป็นความพยายามโจมตีหรือเป็นข้อเสนอแนะและโอกาสในการปรับปรุงตนเอง? ความล้มเหลวทำให้คุณรู้สึกหมดหวัง พ่ายแพ้ และล้มเลิกทุกอย่างหรือใช้ความล้มเหลวเป็นบทเรียนที่กระตุ้นให้คุณพยายามให้มากขึ้น? คำตอบของคุณเป็นตัวบ่งชี้ว่า คุณเป็นคนที่มีชุดความคิดความเชื่อในตัวเองแบบไหน Growth Mindset หรือ Fixed Mindset

 

ความแตกต่างระหว่าง Growth Mindset และ Fixed Mindset

แครอล ดเว็ค (Carol Dweck) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้เขียนหนังสือ Mindset: The New Psychology of Success (มีฉบับแปลภาษาไทย) ได้บัญญัติศัพท์เกี่ยวกับ Growth Mindset ว่าเป็นความคิดที่มุ่งที่จะเติบโต ส่วน Fixed Mindset เป็นความคิดที่ตายตัว จำกัดการเรียนรู้ตัวเอง เพื่อใช้อธิบายความคิด ความเชื่อของผู้คนเกี่ยวกับการมองความสามารถของตนเอง

Fixed Mindset คือชุดความคิดที่ตายตัว จำกัดการเรียนรู้ตัวเอง มีความคิดความเชื่อว่าสติปัญญา ลักษณะนิสัย หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่เป็นพรสวรรค์ คนที่มีก็มี ถ้าไม่มีก็คือไม่มี ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่กล้าที่จะก้าวออกมาจาก Comfort Zone เพื่อเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ

ขณะเดียวกัน Growth Mindset เป็นชุดความคิดที่เชื่อตรงกันข้าม มองว่าสิ่งที่ขาด คือสิ่งที่ต้องหามาเติมให้เต็ม ต่อให้ต้องพยายาม ต้องทำงานหนัก ต้องแสวงหาเอาเอง แต่ก็เป็นโอกาสที่ทำให้ตัวเองเติบโตเช่นกัน

อิสซาเบล ดูอาร์ต (Isabel Duarte) ผู้ฝึกสอนทักษะความเป็นผู้นำ แผนกพัฒนาความเป็นผู้นำแห่งบริษัท Tucows ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารโทรคมนาคมสาธารณะในอเมริกา กล่าวว่า “ชุดความคิดแบบพร้อมที่จะเติบโต คือความเชื่อที่ว่าความพยายาม การฝึกฝน และความมุ่งมั่น สามารถเพิ่มพูนความสามารถของตัวเราได้” หรือก็คือ เป็นน้ำพร่องแก้วที่สามารถเติมน้ำลงไปอีกได้

ดูอาร์ต ใช้ตัวอย่างการพยายามเรียนรู้ภาษาต่างประเทศของผู้คน เพื่ออธิบายถึงผู้ที่มีความคิดความเชื่อแบบ Growth Mindset และแบบ Fixed Mindset ให้เห็นภาพชัดเจน คนที่มีความคิดความเชื่อแบบ Fixed Mindset คือคนที่จะพูดว่า “ฉันไม่มีความสามารถในการเรียนรู้ด้านภาษาเลย มันยากเกินไป” ในขณะที่คนที่มีความคิดความเชื่อแบบ Growth Mindset จะพูดว่า “ถ้าฉันตั้งใจเรียนรู้และพยายามให้มากพอ สักวันฉันจะเก่งขึ้น”

เพราะความคิด ความเชื่อมั่นในตัวเอง คือสิ่งที่นำมาสู่การลงมือทำ คนที่มีความคิดแบบ Growth Mindset เป็นความคิดของคนที่อยากจะพัฒนาและเติบโตไปเรื่อยๆ คิดว่าจะทำอย่างไรให้ตนเองเก่งขึ้นและฉลาดขึ้น ขณะเดียวกัน คนที่มีความคิดแบบ Fixed Mindset เป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโต จำกัดตัวเองอยู่แต่ในพื้นที่ที่คุ้นเคย กลัวการเริ่มต้นสิ่งใหม่ หยุดอยู่กับที่ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่พัฒนา ไม่เติบโต และอาจล้มเหลวในชีวิตได้เพราะไม่คิดจะพัฒนาอะไรเลย

แต่จริงๆ แล้ว ผู้ที่มีความคิดความเชื่อแบบ Fixed Mindset ก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไร เพียงแต่ความคิดความเชื่อแบบนี้ทำให้เราไม่สามารถเติบโตได้ และตามคนโลก ตามคนอื่นไม่ทันเท่านั้นเอง

 

Growth Mindset สนับสนุนให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างไร

ด้วย Growth Mindset เป็นลักษณะความคิดและความเชื่อว่าฉันนี่แหละที่เป็นคนกำหนดว่าต้องรู้อะไร ดังนั้น ผู้ที่มี Mindset แบบนี้จะเปิดรับการเรียนรู้ทุกอย่าง เพื่อนำมาใช้พัฒนา ปรับปรุง และเติมเต็มในส่วนที่เขาไม่มี เชื่อว่าความเก่ง ความฉลาดเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ดูอาร์ตกล่าวว่าคุณสมบัตินี้เป็นคุณสมบัติที่ผู้จ้างงานมองหาในตัวพนักงาน เพราะความคิดที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเอง จะมีผลต่อทุกสิ่งในการทำงาน ตั้งแต่วิธีตอบสนองต่อคำติชม ไปจนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทีม

ขณะเดียวกัน ชุดความคิดแบบ Fixed Mindset จะยึดติดอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ไม่กล้าออกนอกกรอบที่คิดว่าตัวเองปลอดภัย ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพราะเริ่มต้นก็จำกัดและตัดสินความสามารถตัวเองไปแล้วว่าไม่สามารถที่จะทำได้

ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่า Fixed Mindset จะแก้ไขไม่ได้ อย่างไรก็ตาม มันต้องเริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติของตนเอง ลองหาสิ่งที่ตนเองชอบ หรืออะไรก็ได้ที่คิดว่าตนเองสามารถจดจ่ออยู่กับมันได้ แล้วค่อยๆ ปลูกฝังความคิดที่ว่าฉันจะต้องเก่งกับเรื่องนี้ให้ได้ มีวิธีแนะนำเมื่อเริ่มต้นที่จะพัฒนาตนเอง ให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า

– เมื่อได้พยายามทำสิ่งนี้แล้ว รู้สึกอย่างไรในเวลานั้น?

– สามารถพัฒนาต่อได้หรือไม่?

– เมื่อทำแบบนี้แล้ว รู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสที่จะเติบโต มากกว่าการยึดติดตัวเองอยู่ใน Comfort Zone หรือไม่?

– มีที่ว่างให้เติมเต็มอะไรเข้าไปหรือไม่?

– สามารถลบล้างความสงสัยหรือคำสบประมาทในตัวเองได้ไหมว่าฉันจะสามารถเติบโตไปมากกว่านี้ได้ไหม

 

เปรียบเทียบลักษณะของ Mindset 2 แบบที่เกี่ยวกับการทำงานในด้านต่าง ๆ

          ด้านทักษะ
Fixed Mindset: เชื่อว่าทักษะเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาได้
Growth Mindset: เชื่อว่าทักษะใหม่ ๆ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยความพยายาม การทำงานหนัก และการฝึกฝน

          การรับฟังคำวิจารณ์
Fixed Mindset: มองว่าคำติชมคือคำวิจารณ์ เป็นสัญญาณของความล้มเหลว
Growth Mindset: มองว่าคำติชมคือคำวิจารณ์ เป็นสิ่งที่นำมาใช้พัฒนา ปรับปรุง เพื่อโอกาสในการเติบโต

          ทัศนคติต่อการแข่งขัน
Fixed Mindset: มองว่าการแข่งขันเป็นการข่มขู่หรือคุกคามจากความสำเร็จของผู้อื่น
Growth Mindset: มองว่าเป็นสิ่งท้าทาย เป็นแรงบันดาลใจที่จะพยายามต่อสู้เพื่อให้ประสบความสำเร็จ

          ทัศนคติต่อความล้มเหลว
Fixed Mindset: ความล้มเหลวหมายถึงจุดจบที่หมายความตัวเองไม่มีความสามารถ
Growth Mindset: ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อพยายามครั้งต่อไป

          ทัศนคติต่อความท้าทาย
Fixed Mindset: ไม่ชอบความท้าทาย หรืออะไรที่คาดเดาไม่ได้ งานที่ยาก (คิดว่า) เกินความสามารถ จึงมักจะหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ
Growth Mindset: มองความท้าทายเป็นโอกาสในการเรียนรู้เพื่อที่จะพัฒนา

          ด้านความรู้
Fixed Mindset: ไม่กล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ เพราะกลัวคนอื่นจะมองว่าตัวเองไร้ความสามารถ
Growth Mindset: กล้าและมั่นใจที่จะพูดว่า “ฉันไม่รู้” เพื่อให้ได้รู้ และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้

          การประสบความสำเร็จ
Fixed Mindset: ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เฉพาะคนมีพรสวรรค์ ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ประสบความสำเร็จไม่ได้
Growth Mindset: พรสวรรค์สำคัญก็จริง แต่พรแสวงที่ได้จากความพยายามอย่างหนักต่างหากที่ขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ

 

จะเห็นว่า Growth Mindset นี่เองที่เป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จไม่ว่าจะกับเรื่องใดก็ตาม เพราะมันคือชุดความคิดว่าตัวเองเป็นคนมีความสามารถ รู้ว่าตัวเองต้องพัฒนาอะไร รู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อพาตัวเองไปข้างหน้า ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่แล้วดูถูกความสามารถและความพยายามของตนเอง

ฉะนั้น ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่อาจสู้ Mindset ที่ดีได้ เพราะถ้าหากเรามี Mindset ที่ดีเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำสิ่งต่างๆ เราจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้เอง Growth Mindset เป็นทัศนคติแบบมองและก้าวไปข้างหน้า พร้อมที่จะเรียนรู้และเติบโต ตามให้ทันโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อที่จะมาอยู่ในโลกที่เป็นปัจจุบัน ไม่ใช่เป็นคนที่ทิ้งให้โลกนำหน้าไปโดยตัวเองไม่คิดแม้แต่จะเดินตาม

ลองประเมินตัวเองดูแล้วกัน ว่าเราอยากเป็นคนที่พัฒนาอยู่เสมอหรือเป็นคนที่จมปลักอยู่ที่เดิม!

.

.

ติดตาม Life Elevated ได้ที่

Website: https://www.lifeelevated.club

Facebook: https://www.facebook.com/lifeelevatedclub

Twitter: https://twitter.com/lifeelevatedCLB

Instagram: http://instagram.com/lifeelevatedclub

Line OA: https://lin.ee/fBBFzWx

Blockdit: https://www.blockdit.com/lifeelevatedclub

Youtube: https://www.youtube.com/lifeelevatedclub

Pinterest: https://www.pinterest.com/lifeelevatedclub/

Blog สสส.: https://www.thaihealth.or.th/blog/allblog/1285/Life+Elevated+Club/

Related Articles

Leave a Comment