Home Society จะทำอย่างไร? เมื่อ “งานอดิเรก” ที่ทำ..ก็มีวันหมดไฟ

จะทำอย่างไร? เมื่อ “งานอดิเรก” ที่ทำ..ก็มีวันหมดไฟ

by Lifeelevated Admin1

ภาวะหมดไฟ (burnout) เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ ที่เรามักจะเผชิญบ่อยๆ เมื่อทำงานหนักจนเกิดเป็นความเครียด ความกังวล ความเหนื่อยล้า และไม่สามารถรังสรรค์งานดีๆ ออกมาได้ในที่สุด แต่วันหนึ่งเราอาจพบว่า ภาวะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับการทำงานประจำที่ยากและหนักเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับ ‘งานอดิเรก’ ที่เรารักด้วยเช่นกัน

          แม้จะรู้ตัวหรือไม่ แต่เชื่อว่านักอ่านหลายคนน่าจะเคยมีช่วงเวลานี้กันทั้งนั้น เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งเรารู้สึกไม่อยากหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หรือไม่มีเล่มไหนที่ดึงดูดความสนใจจากเราได้อีกต่อไป ภาวะที่เรียกว่า ‘Reading Slump’ หรือจุดตกต่ำของการอ่านหนังสือ จึงถือเป็นฝันร้ายที่นักอ่านทั่วโลกไม่อยากเผชิญ เพราะไม่ใช่ว่าหนังสือเล่มนั้นๆ ไม่ดี น่าเบื่อ หรือไม่สนุก แต่เป็นเพราะตัวเราเองที่ ‘ไม่สามารถ’ อ่านมันได้เลยต่างหาก

ภาวะหมดไฟในการอ่านหนังสือที่ว่าก็สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ จึงอยากชวนทุกคนมาลองสังเกตตัวเองดูตามนี้

  1. เพิ่งอ่านหนังสือที่ดีมากๆ มาเล่มหนึ่ง จนรู้สึกว่าไม่สามารถหาหนังสือที่ดีเท่านี้ได้อีก
  2. ตรงข้ามกับข้อแรกก็คือ เพิ่งอ่านหนังสือเล่มที่แย่มากๆ มาเล่มหนึ่ง จนรู้สึกว่าไม่เชื่อใจหนังสือเล่มอื่น หรือไม่กล้าเปิดใจอ่านหนังสือของนักเขียนคนอื่น
  3. เหนื่อยเกินไปและมีภาระมากมายที่ต้องทำ จนไม่อยากหยิบหนังสือมาอ่าน เพราะต้องใช้เวลานานกว่าจะอ่านจบ
  4. ซื้อหนังสือมาหลายเล่ม เพื่อจะบังคับให้ตัวเองอ่านหนังสือมากขึ้น แต่กลับรู้สึกกดดันจนไม่สามารถเริ่มอ่านได้สักเล่ม หรือไม่มีความสุขเพราะคิดว่าตัวเองยังอ่านหนังสือไม่มากพอ
  5. รู้สึกว่าต้องอ่านหนังสือทุกเล่มบนชั้น new releases เพราะกลัวตกข่าวหรือตกเทรนด์ (fear of missing out) มักจะพบได้ในบล็อกเกอร์ที่รีวิวหนังสือ หรือคนที่เริ่มนำงานอดิเรกมาเป็นอาชีพ
  6. ก็แค่อ่านไม่ได้ แค่นั้น แม้จะพยายามแล้วก็ตาม

 

จะเห็นว่าบางสาเหตุคล้ายกับองค์ประกอบที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน ได้แก่ ความเหนื่อยล้าที่ท่วมท้นจนเกินไป ความรู้สึกไร้ประสิทธิภาพ และการขาดความสำเร็จ ซึ่งภาวะดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับการอ่านเท่านั้น แต่งานอดิเรกอื่นๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ทำอาหาร ปลูกต้นไม้ เล่นดนตรี หรือวาดรูป ก็สามารถเดินมาถึงจุดตกต่ำนี้ได้เหมือนกัน หรืออย่างภาวะ gaming slump ที่เหล่าเกมเมอร์จู่ๆ ก็ไม่มีแรงหรือความอดทนที่จะเล่นเกมต่อได้อีก แม้จะหาเกมใหม่ๆ เจ๋งๆ มาเล่นให้รู้สึกตื่นเต้นแล้วก็ตาม แต่กลับไม่สามารถเล่นได้นานหรือเล่นได้จนจบเกม

ซึ่งทั้งหมดนี้ เราเรียกรวมๆ ว่าเป็น ‘Hobby Burnout’ หรือภาวะหมดไฟในงานดิเรก เมื่อวันหนึ่งเรารู้สึกกดดันที่จะต้องทำงานอดิเรก หรือคิดว่าต้องทำออกมาให้เพอร์เฟ็กต์ จนหลงลืมว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรจะสร้างความผ่อนคลายให้กับเรามากกว่า

รวมถึงช่วงสถานการณ์โรคระบาดก็ยิ่งทำให้งานอดิเรกบางอย่างกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้น เนื่องจากบางคนชอบทำกิจกรรมข้างนอกบ้าน เช่น เดินดูพิพิธภัณฑ์ อาร์ตแกลอรี่ หรือเดินถ่ายรูปตามท้องถนน และเมื่องานอดิเรกนี้หายไป พวกเขาจึงรู้สึกว่างเปล่า เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี พอทำในสิ่งใหม่ๆ ก็รู้สึกไม่ใช่สำหรับตัวเอง

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ภาวะหมดไฟในงานอดิเรกจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า เบื่อหน่าย และขาดแรงบันดาลใจ จนวันหนึ่งเราไม่สามารถทำสิ่งที่เคยรักและชื่นชอบได้อีกต่อไป และนับว่าเป็นภาวะที่น่ากังวลพอสมควร เพราะงานอดิเรกถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่สร้างความสุข ความผ่อนคลาย และเสริมความภาคภูมิใจในตัวเองให้กับมนุษย์ แต่เมื่อกิจกรรมนี้หายไปหรือไม่สามารถทำได้อีก จึงมีแนวโน้มที่เราอาจจะเจอกับภาวะซึมเศร้า หดหู่ หรือรู้สึกว่าชีวิตไร้คุณค่า ไร้ความหมายไปเลยก็ได้

อย่างไรก็ตาม ความสนใจที่มีต่องานอดิเรกไม่ได้หายไปแบบถาวรซะทีเดียว เพราะมีวิธีที่จะกู้กิจกรรมและความชอบเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ เพื่อเติมความสุขที่หล่นหายไปให้กลับมาอีกครั้ง ได้แก่

กลับไปยังเรื่องโปรดเรื่องเดิม

ไม่ว่าจะชอบดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือเล่นเกม เชื่อว่าทุกคนจะมีเดอะเบสต์ออฟเดอะเบสต์ในใจ ที่แม้จะผ่านมานานเท่าไหร่ สิ่งนั้นก็ยังคงสร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้กับเราได้อยู่เสมอ ถ้าเกิดว่ารู้สึกเบื่อๆ ตันๆ ก็ลองกลับไปหาหนังสือเล่มนั้น ซีรีส์เรื่องนั้น หรือเกมนั้นดูอีกสักรอบ แม้จะไม่ใหม่ล่าสุดเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีอะไรให้ทำแก้เบื่อแก้เฉาได้นะ

เข้าร่วมชมรมหรือสังคมออนไลน์

การอยู่ท่ามกลางคนที่มีความสนใจร่วมหรืออินในเรื่องเดียวกัน สามารถสร้างแรงกระตุ้นและสร้างบรรยากาศที่ทำให้เราอยากทำงานอดิเรกนั้นมากขึ้น เช่น กลุ่มต่างๆ ในเฟซบุ๊ก ที่มักจะมีคนเข้ามาแชร์หนังสือออกใหม่ เกมที่น่าเล่น หรือซีรีส์ที่ควรดูอยู่เรื่อยๆ

ออกจากสไตล์เดิมๆ

หากพบว่าสไตล์เดิมของเรามาถึงทางตันแล้ว (แม้ความเป็นจริงอาจจะไม่ใช่) ลองออกจากกรอบเดิมๆ ดูบ้าง เพราะยังมีเพลง หนัง หรือเกมอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ไปสำรวจ เผลอๆ เราอาจจะเจอสไตล์ใหม่ที่ใช่ และเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมให้กับเราในอนาคตด้วย

ยังไงก็ลองนำวิธีเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับงานอดิเรกของตัวเองดู เพราะสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเครียดจากข่าวสารบ้านเมืองและโรคระบาด งานอดิเรกหรือกิจกรรมที่ชุบชูจิตใจได้นั้นมีความสำคัญกับชีวิตของเราจริงๆ นะ

สุดท้าย อย่ากดดันเพื่อทำสิ่งนั้นมากเกินไป บางทีเราอาจต้องการหยุดพักจริงๆ เพื่อรีบูสต์ตัวเองใหม่ หากพบว่างานอดิเรกนั้นกินเวลาและพลังงานของเราไปเยอะ และภาวะนี้ก็เกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความถาวรเสมอไป ซึ่งถ้าหากนั่นคือสิ่งที่เรารักที่จะทำ สักวันหนึ่งแรงบันดาลใจที่เคยหายไปจะกลับมาอีกครั้งเอง

.

.

ติดตาม Life Elevated ได้ที่

Website: www.lifeelevated.club/

Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ

Twitter: @_lifeelevated_

Instagram: @lifeelevatedclub

Line OA: @Lifeelevated

Blockdit: Life Elevated

.

.

#LifeElevated #HobbyBurnout

Related Articles

Leave a Comment